นาวาตรี มหรรณพ สถิตธรรม ผู้การเรือหนุ่มสุดเท่ ใช้ชีวิตอยู่ในกฎระเบียบจนเคยชินตั้งแต่เด็กยันโต เพราะเติบโตมาในครอบครัวทหาร ดังนั้นพอมาเจอความไร้ระเบียบอย่างแรงของแม่สาวนักวิจัยทางทะเลหัวนอกเข้า ก็ทำเอาเขาไปไม่เป็น หาทางรับมือไม่ถูกไปเลยทีเดียว แต่ชายชาติทหารจะมายอมแพ้นางมารตัวเล็กๆได้ยังไง เสียชื่อหมด
นางสาวดารวี แมรีแอนด์ เนตรตรัย นักศึกษาปริญญาโทสาขาวิชาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมทางทะเลจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของออสเตรเลีย สบโอกาสเดินทางมาทำงานวิจัยในประเทศบ้านเกิดที่จากไปนาน แต่เมื่อต้องมาสู้รบปรบมือกับทหารไทยหัวโบราณก็เล่นเอาปวดหัวไปเหมือนกัน ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเจอผู้ชายที่ไหนจะ conservative ได้ขนาดนี้มาก่อน ศึกครั้งนี้มีหัวใจเป็นเดิมพัน เธอจะยืนหยัดต่อสู้ได้นานแค่ไหนกันนะ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ปัง!
เสียงตบโต๊ะที่ดังขึ้นภายในห้องประชุมที่กำลังเงียบสงบ ทำเอาผู้ร่วมประชุมทุกคนสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนตบอย่างหวาดๆ พร้อมกลืนน้ำลาย ยกเว้นนายทหารหนุ่มในเครื่องแบบสีกากีแขนสั้นที่ั่นั่งฝั่งตรงข้ามเท่านั้น ที่หันไปดูด้วยสีหน้าสงบนิ่ง สายตาคมดูเยือกเย็น ไม่แยแสคนที่ออกอาการโมโหโกธานั้นแม้แต่น้อย
หญิงสาวตัวต้นเหตุที่ทุบโต๊ะ ยืนกำมือตัวเองไว้แน่น ความเจ็บที่มือมีไม่มากเท่าความเจ็บที่ใจ การโดนเหยียดหยามกีดกันทางเพศเป็นสิ่งที่เธอรับไม่ได้มากที่สุด เสียงใสที่เอ่ยออกมาจึงฟังแปลกแปร่งทั้งจากอารมณ์คนพูดและสำเนียงที่ใช้
"หมายความว่ายังไงคะ ที่ว่าห้ามผู้หญิงไปร่วมการเก็บข้อมูลด้วย"
"ก็หมายความตรงตัวตามนั้น" ชายหนุ่มหน้าตายคนเดิมเป็นคนตอบ "ทางกองทัพเรือมีกฎห้ามมิให้ผู้หญิงขึ้นเรือ ดังนั้นการไปเก็บข้อมูลของทางสถาบันในครั้งนี้ ผมในฐานะผู้บังคับการเรือจึงขอให้จัดทีมชายล้วนไป"
ยิ่งได้ฟังคำพูดตอกย้ำนั่น ความไม่พอใจก็แล่นขึ้นมาเป็นริ้วๆ ปากอิ่มก็ยิ่งเม้มแน่น ตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวเป็นตน นางสาวดารวี เนตรตรัย ไม่เคยถูกใครเหยียดหยามมากเท่าวันนี้ นายทหารหน้าตายคนนั้นเป็นใครกัน ถึงได้กล้ามาทำกับเธอแบบนี้ แต่คนอย่างเดวี่คนนี้ ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆอยู่แล้ว หน้าสวยคมแบบสาวลูกครึ่งจึงหันไปทางท่านผู้บัญชาการที่นั่งเป็นประธานอยู่ที่หัวโต๊ะแทนหน้าที่เหมือนสวมหน้ากากของนายทหารหนุ่มคนนั้น
"ขออนุญาตชี้แจงนะคะท่าน" หญิงสาวกล่าวแบบมีมารยาท เพราะถึงแม้เธอจะเติบโตมาจากต่างประเทศ แต่บิดาของเธอพยายามสอนวัฒนธรรมไทยให้ลูกสาวอยู่เสมอ
ดารวีเป็นลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลีย พ่อของเธอเป็นคนไทย ส่วนแม่เป็นชาวออสเตรเลีย หญิงสาวเกิดที่เมืองไทยและใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนถึงอายุสิบสองปี คุณตาและคุณยายที่ออสเตรเลียก็เกิดล้มป่วย บิดามารดาจึงพาเธอย้ายไปอยู่ออสเตรเลีย เพื่อพยาบาลผู้ให้กำเนิดและดูแลกิจการฟาร์มแกะขนาดใหญ่ที่นั่น เธอจึงเติบโตที่ออสเตรเลียมาเกือบทั้งชีวิต แล้วเธอก็ได้โอกาสกลับมาเยือนบ้านเกิด เมื่อทางมหาวิทยาลัยได้มีโครงการวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาวะของน้ำทะเลกับอุณหภูมิของโลกร่วมกับสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมทางทะเลของประเทศไทย หญิงสาวจึงไม่ลังเลที่จะสมัครมาทันที แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เธอก็กำลังเจอปัญหาใหญ่อยู่ในขณะนี้ซะแล้ว
"ดิฉันจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมไปกับคณะสำรวจเก็บข้อมูลในครั้งนี้ เพราะว่าดิฉันเป็นคนเดียวในคณะที่จะพิจารณาทำการเลือกบริเวณและปริมาณของน้ำทะเลและสิ่งมีชีวิตที่จะเก็บตัวอย่างได้ ซึ่งในการเก็บแต่ละวันนั้นมีปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงแตกต่างกันไป ทั้งสภาพกระแสน้ำและอุณหภูมิที่ไม่คงที่ ต้องไปดูบริเวณที่จะทำการเก็บตัวอย่างก่อนถึงจะบอกได้"
เมื่อเห็นผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนกำลังตั้งใจฟังเหตุผลของเธอ หญิงสาวก็หยอดเหตุผลเพิ่มเติมลงไปอีก เพื่อเพิ่มความหนักแน่นให้กับเหตุผลที่กล่าวมาก่อนแล้ว
"นอกจากนี้ทั้งคณะของมหาวิทยาลัยที่มาเข้าร่วมในครั้งนี้ มีดิฉันคนเดียวที่พอจะพูดภาษาไทยได้ นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติทั้งหมด ถ้าหากว่าดิฉันไม่สามารถเข้าร่วมการเก็บตัวอย่างได้ ทางมหาวิทยาลัยที่โน่นจะต้องทำการเลือกหาคนใหม่และส่งมาแทนที่ดิฉัน ซึ่งเสียเวลาอีกอย่างน้อยก็สองสัปดาห์ และคนที่มาใหม่ก็ไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เช่นกัน อาจจะทำให้เกิดปัญหาในการสื่อสารกับทีมของทางสถาบันที่ร่วมวิจัยในครั้งนี้ ขอให้ท่านพิจารณาเหตุผลเหล่านี้ด้วยนะคะ"
พลเรือเอกศิลา สันติภพ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ได้รับฟังเหตุผลของหญิงสาวอย่างครุ่นคิด ก่อนจะหันไปมองดู น.ต.มหรรณพ สถิตธรรม ลูกชายของเพื่อนสนิทที่ท่านเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก และเป็นผู้บังคับการเรือลำที่จะใช้เข้าร่วมในการวิจัยครั้งนี้อย่างชั่งใจ ท่านรู้ดีว่ามหรรณพนั้นเป็นคนเถรตรง เคารพกฎขนาดไหน ไม่มีทางยอมอ่อนข้อ ยกเว้นให้หญิงสาวคนนี้แน่ๆ
แต่ตอนนี้ทางกองทัพเรือมีนโยบายที่จะสร้างภาพลักษณ์เกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม จึงได้ให้ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมทางทะเลในครั้งนี้ โดยท่าน ผบ.ทร. ได้ย้ำกับท่านมาว่าให้อำนวยความสะดวกให้กับทีมวิจัยเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีของกองทัพเรือ นี่จึงเป็นเหตุให้ท่านต้องคิดหนัก แล้วในที่สุดท่านก็ตัดสินใจเอ่ยออกมา....(หุ หุ ท่าน ผบ. ตัดสินใจว่าอย่างไร ไปติดตามอ่านกันต่อในเรื่องนะจ๊ะ)
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จากใจไร้เตอร์
ขออนุญาตชี้แจงนะคะ ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นเพื่อให้เห็นเสน่ห์ของคนในเครื่องแบบเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใดไหนทั้งสิ้น ไม่ได้ค่าโฆษณาด้วย ขอบอก! ขอให้อ่านเอาสนุกอย่างเดียวเท่านั้นนะจ๊ะ อย่าคิดมาก
ไร้เตอร์ขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือกล่าวพาดพิงถึงใครหรือหน่วยงานไหนทั้งนั้น ย้ำอีกครั้งนะคะ! ว่านิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อให้รีดเดอร์ทั้งหลายอ่านเอามันส์เท่านั้น ห้ามนำไปพาดพิงกับประเด็นทางการเมืองการทหารที่ไหนเด็ดขาด
หวังแค่ว่ารีดเดอร์ทุกคนที่เข้ามาอ่านจะได้รับอรรถรสในการอ่านอย่างสนุกสนาน ครื้นเครง แฮปปี้ มีความสุขแค่นั้น ไร้เตอร์ก็สุขใจแล้วค่า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
กะปอลอ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น